จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

หมา หรือคำสุภาพว่า สุนัข (ชื่อวิทยาศาสตร์ Canis lupus familiaris หรือ Canis familiaris)[2] เป็นสัตว์มีเขี้ยวชนิดเชื่องทีถูกคัดเลือกผสมพันธุ์มาเป็นเวลาพันปีจนมีพฤติกรรม การรับรู้ทางประสาทสัมผัส และลักษณะทางกายภาพที่หลากหลาย[3]
แม้ว่าเดิมทีจะคิดกันว่าหมามีต้นกำเนิดจากสายพันธุ์สัตว์มีเขี้ยวที่หลากหลาย (บ้างมองว่าเป็นหมาใน[4] หมาจิ้งจอกทอง[5] และหมาป่า[6]) มีการศึกษาทางพันธุศาสตร์เพิ่มเติมในคริสต์ทศวรรษ 2010 ชี้ว่าหมาเริ่มแตกต่างจากสัตว์มีเขี้ยวคล้ายหมาป่าในยูเรเชียเมื่อ 40,000 ปีที่แล้ว[7] เนื่องจากเป็นสัตว์เชื่องที่เก่าแก่ที่สุด การอยู่ร่วมกับมนุษย์มาเป็นเวลานานทำให้หมามีพฤติกรรมที่ปรับเข้ากับมนุษย์ได้ดี รวมถึงสามารถเติบโตได้โดยกินอาหารประเภทแป้งซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อสัตว์มีเขี้ยวชนิดอื่น[8]

บรรพบุรุษ และที่มาของความเชื่อง[แก้]

วิวัฒนาการด้านโมเลกุลของหมาชี้ให้เห็นว่าหมาเลี้ยงนั้น (Canis lupus familiaris) สืบทอดมาจากจำนวนประชากรหมาป่า (Canis lupus) เพียงตัวเดียวหรือหลายตัว สะท้อนให้เห็นถึงการตั้งชื่อพวกมัน หมาสืบทอดจากหมาป่าและหมาธรรมดาสามารถผสมข้ามพันธุ์กับหมาป่าได้ด้วย

ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับหมานั้นถูกฝังลึกในด้านโบราณคดีและหลักฐานที่ตรงกันชี้ให้เห็นช่วงเวลาของการทำให้หมาเชื่องในยุคหินใหม่ ใกล้ ๆ กับขอบเขตของช่วงเพลสโตซีนและโฮโลซีน ในระหว่าง 17,000 - 14,000 ปีมาแล้ว ซากกระดูกฟอสซิลและการวิเคราะห์ยีนของหมาในยุคอดีตกับปัจจุบัน และประชากรหมาป่ายังไม่ถูกค้นพบ หมาทั้งหมดสืบอายุอาจเกิดจากเหตุการณ์ที่ทำให้เชื่องด้วยตัวเองหรือไม่ก็ได้ถูกทำให้เชื่องด้วยตัวมันเองในพื้นที่มากกว่าหนึ่งพื้นที่ หมาที่ถูกเลี้ยงให้เชื่องแล้วอาจจะผสมข้ามพันธุ์กับประชากรหมาป่าที่อยู่ในถิ่นนั้น ๆ ในหลาย ๆ โอกาส กระบวนการนี้รู้จักในทางทางพันธุศาสตร์ว่า อินโทรเกรสชัน(Introgression)
ในยุคแรก ๆ ฟอสซิลหมา กะโหลก 2 จากรัสเซียและขากรรไกรล่างจากเยอรมนี พบเมื่อ 13,000 ถึง 17,000 ปีมาแล้ว บรรพบุรุษของมันเป็นหมาป่าโฮลาร์กติก(Canis lupus lupus) ซากศพของหมาตัวเล็กจากถ้ำของสมัยวัฒนธรรมนาทูเฟียนของยุคหินได้ถูกเก็บไว้ในแถบตะวันออกกลาง มีอายุราว 12,000 ปีมาแล้ว เข้าใจว่าเป็นทายาทมาจากหมาป่าในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาพศิลปะบนหินและซากกระดูกชี้ให้เห็นว่า เป็นเวลากว่า 14,000 ปีมาแล้วที่หมาในที่นี้กำเนิดจากแอฟริกาเหนือข้ามยูเรเชียไปถึงอเมริกาเหนือ หลุมฝังศพหมาที่สุสานยุคหินของเมืองสแวร์ดบอร์กในประเทศเดนมาร์กทำให้นึกไปถึงในยุคยุโรปโบราณว่าหมามีค่าเป็นถึงเพื่อนร่วมทางของมนุษย์
การวิเคราะห์ทางยีนได้ให้ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เหมือนกันมาจนถึงทุกวันนี้ วิล่า ซาโวไลเนน และเพื่อนร่วมงาน พ.ศ. 2540 สรุปว่าบรรพบุรุษของหมาได้แยกออกจากหมาป่าชนิดอื่น ๆ มาเป็นเวลาระหว่าง 75,000 ถึง 135,000 ปีมาแล้ว เมื่อผลการวิเคราะห์ที่ตามมาโดยซาโวไลเนน พ.ศ. 2545 ชี้ให้เห็น เผ่าพันธุ์ดั้งเดิมจากกลุ่มยีนสำหรับประชากรหมาทั้งหมด ระหว่าง 40,000 ถึง 15,000 ปีมาแล้ว ในเอเชียตะวันออก เวอร์จีเนลลี่ พ.ศ. 2548 แนะนำว่าอย่างไรก็ดี ช่วงเวลาของทั้งคู่จะต้องถูกประเมินผลอีกครั้งในการค้นพบเมื่อเร็ว ๆ นี้แสดงให้เห็นว่า นาฬิกาโมเลกุลแบบเก่าที่ใช้วัดเวลานั้นได้กะเวลายุคสมัยของเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาเกินความจริง โดยในความจริง และในการเห็นพ้องกันว่าด้วยเรื่องหลักฐานทางโบราณคดี เป็นเวลาเพียง 15,000 ปีเท่านั้นที่ควรจะเป็นช่วงชีวิตสำหรับความหลากหลายของของหมาหมาป่า
สหภาพโซเวียตเคยพยายามนำหมาจิ้งจอกมาเลี้ยงให้เชื่อง เช่นในหมาจิ้งจอกเงิน และสามารถนำมันมาเลี้ยงได้เพียงแค่ 9 ชั่วอายุของมันหรือน้อยกว่าอายุขัยของมนุษย์ นี่ยังเป็นผลในการเปลี่ยนแปลงด้านอื่น เช่น สี ที่จะกลายเป็นสีดำ สีขาว หรือสีดำปนขาว พวกมันได้พัฒนาความสามารถในการขยายพันธุ์ตลอดปี หางที่โค้งงอมากขึ้น และหูที่ดูเหี่ยวย่นเหมือน อวัยวะเพศชาย

ชีววิทยา[แก้]

กายวิภาคศาสตร์[แก้]

หมาถูกคัดเลือกผสมพันธุ์มาเป็นเวลาพันปีเพื่อให้มีพฤติกรรมหลากหลาย การรับรู้ความรู้สึก และลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกัน[3] หมาสายพันธุ์ต่าง ๆ ในสมัยใหม่มีขนาด รูปร่าง และพฤติกรรมหลากหลายกว่าสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น[3] หมาเป็นทั้งนักล่าและสัตว์กินซาก และมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง กระดูกข้อเท้าเชื่อมกัน และระบบหมุนเวียนเลือดที่ช่วยในการวิ่งและความอดทน และมีฟันที่ใช้จับและฉีกให้ขาด เช่นเดียวกัยสัตว์นักล่าที่เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น

ขนาดและส่วนสูง[แก้]

หมามีขนาดและน้ำหนักแตกต่างกัน หมาตัวเล็กที่สุดที่รู้จักกันคือหมาพันธุ์ยอร์กเชอร์เทร์เรียร์ เมื่อยืนอยู่จะสูง 6.3 เซนติเมตร ยาว 9.5 เซนติเมตร ตลอดทั้งหัวและลำตัว และหนัก 113 กรัม หมาตัวใหญ่ที่สุดที่รู้จักคือหมาพันธุ์อิงลิชมาสติฟ หนัก 155.6 กิโลกรัม และความยาวจากจมูกถึงหาง 250 เซนติเมตร[9] หมาที่สูงที่สุดคือหมาพันธุ์เกรตเดน เมื่อยืนอยู่สูง 106.7 เซนติเมตร[10]

ประสาทสัมผัส[แก้]

ประสาทสัมผัสของหมา ได้แก่ การมองเห็น การได้ยิน การดมกลิ่น การรับรู้รสชาติ การสัมผัสและการตอบสนองไวต่อสนามแม่เหล็กของโลก

หาง[แก้]

หมามีหางหลายรูปร่าง ได้แก่ ตรง ตรงตั้งขึ้น โค้งคล้ายเคียว ม้วนเป็นวง หรือหมุนเป็นเกลียว หน้าที่หลักของหางหมาคือสื่อสารอารมณ์ของมัน เป็นสิ่งสำคัญกับการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ในหมานักล่าบางตัวถูกกุดหางเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ[11] หมาบางสายพันธุ์ เช่น Braque du Bourbonnais ลูกหมาอาจเกิดมามีหางสั้นหรือไม่มีหางเลยก็ได้[12]

สุขภาพ[แก้]

พืชที่ปลูกตามบ้านเรือนหลายชนิดเป็นพิษกับร่างกายของหมา เช่น ต้นคริสต์มาส เบโกเนีย และว่านหางจระเข้[13]
หมาบางสายพันธุ์มีแนวโน้มเจ็บป่วยเป็นโรคบางโรค เช่น ศอกและสะโพกเจริญผิดปกติ ตาบอด หูหนวก หลอดเลือดแดงตีบ ปากแหว่งเพดานโหว่ และกระดูกสะบ้าเคลื่อน

สติปัญญาและพฤติกรรม[แก้]

หมาแต่ละตัวและแต่ละสายพันธุ์ มีสัญชาตญาณของตนเอง นับตั้งแต่เริ่มกระบวนการเปลี่ยนแปลง จากหมาป่ามาเป็นหมาเลี้ยง ได้มีการคัดเลือกและพัฒนาสายพันธุ์หมาสืบทอดกันมามากกว่า 4,000 ชั่วอายุ ทำให้ลักษณะร่างกายของหมาหลายสายพันธุ์ เปลี่ยนแปลงไปจากบรรพบุรุษของพวกมันอย่างมาก แต่หมาแต่ละสายพันธุ์ยังคงรักษาลักษณะพฤติกรรมของหมาป่าที่มันเคยเป็นไว้ได้ไม่มากก็น้อย ทั้งหมาป่าและหมาเลี้ยงมีวิธีสื่อสารโดยการเห่า การใช้ภาษากาย และสัญชาตญาณในการรวมกลุ่ม ทั้งนี้หมามีพฤติกรรมให้การสร้างอาณาเขตของมัน เช่น การฉี่รดตามที่ต่าง ๆ เพื่อบอกว่าตรงนี้เป็นเจ้าของ และการเดินเป็นวงกลมก่อนนอนเพื่อกระจายกลิ่นตัวไปรอบ ๆ และกำหนดอาณาเขตไม่ให้สัตว์ตัวอื่นเข้ามารบกวน  แม้หมาพันธุ์คอร์กี้ จะเป็นหมาตัวเตี้ย ขาสั้น รูปร่างดูไม่สมส่วนและสมาร์ทเหมือนหมาพันธุ์อื่น ๆ แต่เชื่อหรือไม่ว่าความแปลกที่เป็นเอกลักษณ์แบบนี้แหละ ที่ทำให้ทาสหมายิ่งดูยิ่งรู้สึกว่าน่ารัก 

         เจ้าตูบพันธุ์คอร์กี้ดูแล้วอาจจะเป็นหมาที่มีรูปร่างที่ไม่ค่อยสง่างามเหมือนหมาตัวสูงใหญ่ ขายาว เช่น ไซบีเรียน ฮัสกี้ หรือ เยอรมันเชพเพิร์ด เพราะพวกมันมีลำตัวยาวแต่ขากลับสั้นนิดเดียว แต่ขาสั้น ๆ รวมถึงตากลมแป๋ว หูยาวตั้งเหมือนกระต่าย และนิสัยที่ชาญฉลาดนี่แหละ ที่ทำให้เหล่าทาสหมาตกหลุมรัก สำหรับสาวกหมาขาสั้นที่ชอบหมาพันธุ์นี้ กระปุกดอทคอมก็ได้สรรหาและรวบรวมอินสตาแกรมไว้ให้ตามไปกดฟอลโลกันแล้ว   



1. วอลลี่ (Wally)

         หมาคอร์กี้จากรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐฯ มีคนติดตามบนอินสตาแกรมเกือบแสน ไม่ว่าเทศกาลไหน ๆ เจ้าวอลลี่ก็ไม่ตกเทรนด์ แต่งตัวถ่ายรูปให้แฟน ๆ ได้กดไลค์เสมอ อีกทั้งเจ้าวอลลี่ยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมคอร์กี้แห่งรัฐนิวเจอร์ซีย์ซะด้วย

คอร์กี้

คอร์กี้

คอร์กี้

2. ฟ็อกซี่ (Foxy)

         คอร์กี้จากฟินแลนด์ที่มาพร้อมกับคิ้ว และก็เป็นคิ้วที่เจ้าฟ็อกซี่ได้มาตั้งแต่เกิด ไม่ได้ถูกเขียนหรือสักแต่อย่างใด โดยเหนือตาทั้งสองข้างของเจ้าฟ็อกซี่มีจุดเล็ก ๆ สีดำ จึงทำให้ดูแล้วคล้ายกับคิ้วนั่นเอง


3. โมชิ


         เนื่องด้วยเจ้าโมชิมีขนาดตัวที่เล็กกว่าปกติมันจึงถูกเรียกว่ากระต่ายน้อยอยู่บ่อย ๆ แต่ถึงแม้จะตัวเล็ก แต่เจ้าโมชินั้นมีพลังเหลือล้น วิ่งซนได้ทั้งวัน กิจกรรมโปรดของมันก็คือ การนอนอาบแดดอุ่น ๆ และเดินรับลมเล่นที่ท่าเรือใกล้บ้านของมันนั่นเอง    


4. นโปเลียน

         เจ้าหมาคอร์กี้ชื่อแปลกแต่ความน่ารักไม่เป็นสองรองใคร มีคนติดตามมันบนอินสตาแกรมกว่า 4 หมื่นคน นอกจากนี้เจ้านโปเลียนยังมีแชนแนลยูทูบสอนทริคเด็ด ๆ สำหรับฝึกหมาให้ดูกันด้วย  


5. รอสโค

         ถ้าพูดถึงคอร์กี้ที่เป็นมิตรและใจดี ต้องมีชื่อของเจ้ารอสโคอยู่ในนั้นแน่นอน เจ้ารอสโคอาศัยอยู่กับเจ้านายและเม่นแคระนามว่ามีทบอล ซึ่งเจ้ารอสโคก็ชอบเล่นกับเจ้ามีทบอลมาก ไม่เห่าหรือทำร้ายเจ้าเม่นแคระเลย


6. คูเปอร์

         เจ้าคูเปอร์เป็นคอร์กี้ที่แอ็คทีฟและชอบเล่นสุด ๆ เวลามีคนเรียกชื่อมันจะตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม โดยมันจะเด้งตัวขึ้นมา ถึงแม้ว่าตอนนั้นมันจะกำลังนอนกอดตุ๊กตาตัวโปรดของมันอยู่ก็ตาม  


7. แฮมมี่ & แพนด้า

         เจ้าแฮมมี่และเจ้าแพนด้าเป็นพี่น้องคอกเดียวกันที่เพิ่งลืมตามาดูโลกได้ไม่กี่เดือน ถึงแม้อายุยังน้อยแต่ความซนของพี่น้องคู่นี้กลับพุ่งสูงแตะเพดาน เวลาที่เจ้านายของพวกมันออกไปนอกบ้าน กลับมาทีไรมักจะเจอบ้านเละเทะเกือบทุกครั้ง


8. แอ็บบี้

         ถึงแม้ว่าเจ้าแอ็บบี้จะมีขนที่ยาวและฟูกว่าคอร์กี้ทั่ว ๆ ไปแต่ยืนยันได้ 100% ว่ามันเป็นคอร์กี้สายพันธุ์แท้แน่นอน และสิ่งที่เจ้าแอ็บบี้โปรดปรานที่สุดคงจะหนีไม่พ้น การได้เจอหน้าเจ้านายอีกคนของมันที่เป็นทหารประจำการที่ต่างประเทศนั่นเอง 


9. วินสตัน

         เจ้าวินสตันเป็นหมาคอร์กี้ที่ชอบกินผลไม้เป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะแตงโมถือเป็นผลไม้โปรดของเจ้าวินสตันเลยก็ว่าได้  และเนื่องจากมันมีอายุได้แค่ 1 เดือนเท่านั้น ไม่ว่าจะเจออะไรมันก็จะตื่นเต้นไปหมด ไม่ว่าจะเป็นขนมหรือหางของมันเองก็ตาม  


10. ลิโล


         คอร์กี้ตัวน้อยอายุ 3 เดือน จากจาการ์ตา มีนิสัยร่าเริงและชอบยิ้มที่สุด เห็นได้จากรูปในอินสตาแกรม จะมีรูปของเจ้าลิโลที่มักจะยิ้มอย่างมีความสุขเกือบทุกรูป ความน่ารักของมันกระแทกใจทาสหมาอย่างจัง เปิดอินสตาแกรมได้แค่ 3 สัปดาห์แต่มีคนติดตามหลายพันเลยทีเดียว 

         เห็นไหมล่ะว่าแม้ คอร์กี้ จะเป็นหมาขาสั้น ตัวเล็ก แต่มีเสน่ห์และออร่าความน่ารักพุ่งกระจายเลยทีเดียว แถมดูจากความซนแล้ว ความฉลาดของหมาพันธุ์นี้น่าจะไม่เป็นสองรองใคร หากเหงาก็เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนได้นะคะ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น